Banner 468 x 60px

 

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลดน้ำหนักแบบไม่อันตรายด้วย Japonica

0 ความคิดเห็น
ลดน้ำหนักแบบไม่อันตรายด้วย Japonica


Japonica คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ผลิตขึ้นตามทฤษฎีไขมันเซลล์ (Theory of Fat Cellls ) ใช้วิธีขจัดไขมันโดยเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหนัก สัดส่วนที่สวยงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีผลข้างเคียง

japonica ได้ผลิตตามมาตรฐาน 4 ประการ และข้อห้าม 3 ประการ ตามประกาศขององศ์การอนามัยโลก ( WHO ) ดังนั้นจึงใช้ได้ทั้งสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรี

     องศ์การอนามัยโลก(WHO)กล่าวว่า การลดน้ำหนักอย่างไม่ถูกต้อง อาจนำมาซึ่งอันตรายอย่างไม่คาดคิด เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ปี 2000 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนต้องมีมาตรฐานหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้

    1.ลดน้ำหนักโดยไม่มีการทำลายเซลล์กล้ามเนื้อ

    2.เมื่อลดน้ำหนักแล้วไม่มีการกลับมาอ้วนใหม่

    3.ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

    4. ช่วยให้การเผาผลาญไขมันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อห้ามที่สำคัญ 3 ประการ

    1.ไม่ต้องอดอาหาร

    2.ไม่กลับมาอ้วนอีก

    3.ไม่มีอาการท้องเสีย

หลักการทำงานของอาหารเสริม ลดน้ำหนัก จาโปนิก้า

    1.ใช้หลักกระตุ้นเป็น 5 เท่า มีผลทำให้กระตุ้นเอมไซม์ย่อยไขมัน (Fat Ensyme) ให้สลายไขมัน ในอัตราสูงเป็น 32 เท่า กระตุ้นการทำงานของเอมไซม์ย่อยสลายไขมัน เพิ่มอัตราเร็วในการเผาผลาญไขมันถึงระดับเซลล์

     2.ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ จะมีการดูดซึมโดยเซลล์ และมีการย่อยสลายไขมันได้ทันที หลังการบริโภค และภายหลัง 20 นาทีจะมีการผลิตน้ำย่อย TGE ขึ้น ณ ส่วนไขมันของร่างกาย ช่วยขับล้างสารพิษออกจากร่างกายพร้อมๆกับการขับไขมันเก่า และยับยั้งการดูดซึมไขมันใหม่ขณะเดียวกันก็เพิ่มอัตราการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกาย กระบวนการนี้มีผลอย่างมากในการฟื้นฟูสุขภาพ

3.ปรับปรุงกระบวนการเมตาบอลิซึ่ม โดยให้ธาตุและสารอาหารต่างๆที่ร่างกายต้องการสงวนน้ำในร่างกายให้ได้สมดุล ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคุญมาก

4.เพิ่มระบบหมุนเวียนโลหิต และหลอดเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ

5.ปรับสมดุลระหว่างเซลล์สะสมไขมัน กับเซลล์พลังงานความร้อนเพื่อสามารถควบคุมน้ำหนักได้ตลอดไป ทั้ง 3 กระบวนการให้ดำเนินต่อเนื่องกันไปและไม่มีการกลับมาอ้วนใหม่ หากรับประทานอย่างถูกต้องและเข้าใจหลักการทำงานของระบบร่างกาย

      โดยแนะนำว่า

- ควรรับประทานติดต่อกันนาน 3-6 เดือน เมื่อได้ผลในระดับที่พึ่งพอใจ ตามน้ำหนักที่เกินของแต่ละบุคคล ให้ลดขนาดการรับประทานลง หลังจากนั้น รับประทาน 2 วัน 1 เม็ด,3 วัน 1 เม็ด,5 วัน 1 เม็ด และควรมีติดไว้ในกรณีรับประทานอาหารหลัง 18.00 น. และทานมากกว่าปกติ ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น 2-4 กิโลกรัม จากที่น้ำหนักลดลง

  - กรณีมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ปรับวิธีรับประทานเพื่อให้ได้ผล

  - ข้อสำคัญที่สุด ต้องทานอาหารเช้า และดื่มน้ำบ่อยๆ ให้ได้วันละ 2,500 cc

  - ส่วนอาหารเย็นไม่ควรรับประทานเกินเวลา  18.00 น.

         วิธีการรับประทาน

       วันละ 1 ครั้ง ก่อนอาหารเช้า 15 นาที จะได้ผลดีที่สุด ( 7.45 น.) 1 แคปซูล ทานอาหารเช้า เวลา 8.00 น.ถ้าเป็นข้าวต้มจะได้ผลดีที่สุด ( กับข้าวจะเป็นอะไรก็ได้ ระยะแรกๆควรมีไขมันน้อยที่สุด) ควรได้รับอาหารที่ให้แคลอรี่ 1,800-2,000

       หมายเหตุ ถ้าช่วงเช้าไม่สามารถทานได้ ให้ทานเวลา 11.45 น.ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง หรือ 4.45 น. หลังจากนั้น อีก 15 นาทีค่อยรับประทานอาหารตาม

            คำเตือน

เด็กและสตรีมีครรภ์ สตรีหลังคลอดบุตร และระหว่างให้นมบุตร ห้ามรับประทาน

      ส่วนประกอบ

1.ข้าวกล้องสกัด (Brown Rice)

    - จะได้สารอาหาร วิตามิน บี 1,บี 3, บี 6 ช่วยลดการสระสมไขมัน โดยเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารเปลี่ยนแป้งและน้ำตาลให้เป็นพลังงาน

    - ช่วยบำรุงเซลล์สมอง บำรุงระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้กระปี้กระเปร่า

2.แอลคานิทีน/แอลตาเตรท ( L-Carnitine L-Tartrate )

   - เป็นกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งร่างกายสร้างเองไม่ได้

   - ช่วยย่อยไขมัน เปลี่ยนเป็นพลังงานในระดับเซลล์

   - ทำให้กล้ามเนื้อกระชับไม่หย่อนยานขณะลดน้ำหนัก

   - ช่วยลดการสะสมไขมันที่ตับ

   - เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ทำให้การส่งลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้น จึงเสริมประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น

3.อาร์ติโช๊ค พาวเดอร์ ( Artichoke powder )

    - ช่วยลดความอยากของอาหาร

    - มีคุณสมบัติเป็นไฟเบอร์ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี

    - มีสารอาหารอินนูลิน ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบการย่อยดีขึ้น

    - กระตุ้นการทำงานของตับให้ดีขึ้น ช่วยสกัดสารพิษและกำจัดสิ่งแปลกปลอมออกจากกระแสโลหิต

4.คอลลาเจน( Collagen)

     - ช่วยกระตุ้นเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวกระชับไม่เหี่ยวย่น

     - ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสามารถสังเคราะห์คอลลาเจนได้เป็นปกติ

     - ช่วยทำให้คอลลาเจนถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นใน ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา

5.ชาเขียวสกัด(Green tea Extract)

     - ช่วยต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็ง ลดภาวะเป็นพิษของสารก่อมะเร็ง จำกัดการลุกลามของเซลล์เนื้องอก

6.วิตามินอี(Vitamin E Suecinate)

     - ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยไม่ให้เซลล์ต่างๆถูกทำลาย และช่วยให้เซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่แข็งแรง ไม่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

     - ช่วยให้เซลล์ผิวทนต่อรังสี UV Bในแสงแดดได้ดี จะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง

     - ช่วยป้องกันการอุนตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและป้องกันการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้หลอดเลือดที่ไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     - ช่วยป้องกันความผิดปกติของระบบประสาท เนื่องจากวิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงสามารถผ่านเข้าไปที่เซลล์สมองได้ ทั้งยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของเซลล์ในสมองที่ทำงานเกี่ยวกับหน่วยความจำ ทำให้สามารถป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ

     - ช่วยสามารถป้องกันมิให้ไนโตรซามีน ( ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เรามักได้รับจากอาหาร ) มาทำลายเซลล์ในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายอีกด้วย รวมทั้งยังมีผลการวิจัยที่กล่าวว่า  การรับประทานวิตามินอีในขนาดสูง สามารถลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งที่ต่อมลูกหมากและเต้านม





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น